วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พืชผักผลไม้สมุนไพรไทย

วันนี้ว่ากันด้วยเรื่องพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพรไทยกันดีกว่าน่ะค่ะ ดิฉันคิดว่าคนไทยทุกคนมีโอกาสได้ทานสมุนไพรกันทุกวันอยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ค่อยได้สนใจเรื่องสรรพคุณ ดังนั้นในวันนี้ดิฉันจะนำเสนอสรรพคุณของเครื่องปรุงอาหาร น้ำผลไม้ ที่พวกเราได้ทานกันทุกๆวันค่ะ


กระเทียม (Garlic)  : เป็นพืชสมุนไพรไทยใช้ปรุงอาหาร มีประโยชน์ในการแก้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิตสูง ขับลม ขับเสมหะ แก้จุกเสียด ขับพยาธิเส้นด้าย

โหระพา (Sweet Basil) : เป็นพืชสมุนไพร ใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด มีประโยชน์ในการรักษาสุขภาพในเรื่องของการขับลม ขับเหงื่อ ขับพยาธิ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้ท้องอืด เป็นยาระบาย เลือดออกตามไรฟัน

สตรอเบอรี่ : เป็นผลไม้สีแดงรสเปรี้ยว ๆ อมหวาน มีวิตามินเอ ฟอสฟอรัส แคลเซี่ยม ที่สำคัญมีจำนวนปริมาณวิตามินซีสูงมาก ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายต่อโรคภัยต่าง ๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหวัด ช่วยชะลอความแก่และลดริ้วรอยก่อนวัยอันสมควร ชะลอความเสื่อมของดวงตา และยับยั้งเชื้ออีโคไลในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง

บลูเบอรี่ : เป็นผลไม้ที่พบสารต้านอนูมูลอิสระในปริมาณสูงช่วยต้านสารทำลายเซลล์ของร่างกาย
นอกจากนี้ยังพบสารสารอีกหลายชนิด ที่มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งและเพิ่มความสามารถในการจำมี
สารเพคตินที่มีมากในบลูเบอรี่ และช่วยลดระดับคอเสลเตอรอสในร่างกายได้

ขิง (Ginger) : เป็นทั้งพืขสุมนไพรและเครื่องเทศ มีสรรพคุณด้านการรักษาโรคได้ เช่น รักษาโรคท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน รักษาอาการไอที่มีเสมหะ รักษากลากเกลื้อน เป็นยาอายุวัฒนะ

พริก (Chillies)  : ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้อาเจียน แก้หิด กลาก เกลื้อน พริกสามารถลดความดันโลหิตได้เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว และช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ด้วยดี การรับประทานพริกเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและป้องกันการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดลมอักเสบได้ พริกยังใช้เป็นส่วนผสมในขี้ผึ้งทาถูนวดเพื่อแก้อาหารปวดเมื่อยบวมและลดอาการอักเสบเพราะบริเวณผิวที่ทายาจะมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น สามารถแก้อาการเป็นตะคริวได้ เพราะพริกจะช่วยกระตุ้นบริเวณที่เป็นทำให้รู้สึกร้อนขึ้น นอกจากนี้พริกยังใช้เป็นส่วนผสมในยาธาตุ ยาแก้ปวดท้อง เพราะสารสกัด Capsaicin จากพริกจะช่วยกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์บางชนิดซึ่งทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวและคลายตัว

แครอท (Carrot)  : สารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์ของมะเร็ง ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในปอดได้ ซึ่งคนที่กินผักที่มีเบต้าแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็งในปอดมากเป็นเจ็ดเท่าของคนที่กินมากที่สุด นอกจากนั้นแล้วก็ยังช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger